เว็บไซต์ช่วยในการลำดับเนื้อหาข้อมูลได้ดีกว่า social media
Social media มีการแสดงผลตามช่วงเวลา (timeline) ข้อดีคือการที่ผู้ใช้งานจะได้เห็นเนื้อหาใหม่อยู่เสมอ ซึ่งก็ไม่จริงเสมอไป เพราะทุกวันนี้สื่อเหล่านี้ก็เริ่มเอาของเก่ามาวนแสดงให้ผู้ใช้งานได้เห็น เพื่อเป็นการซื้อเวลาการใช้งานของเราให้อยู่ใน platform ให้ได้มากที่สุด
ในขณะที่การจัดทำเว็บไซต์ คุณสามารถจัดลำดับเนื้อหาได้ด้วยตัวเอง การจัดเรียงข้อมูลเป็นหมวดหมู่และการคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทำให้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
ผู้ใช้งานเข้าถึง social media แต่เข้าเว็บไซต์ผ่าน Google
ในขณะที่เทรนด์ของการค้นหาเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นใน social media การค้นหาข้อมูลผ่าน Instagram และ TikTok เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่น แต่ในด้านการทำงานหรือการค้นหาอย่างจริงจัง ผู้ใช้งานจะทำการสืบค้นผ่านเบราเซอร์ หรือการเข้าถึง Google Search โดยตรง หรือการพิมพ์คำค้นหาผ่านเว็บเบราเซอร์ ซึ่งจะต่อตรงกับ search engine ทำให้พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ เกิดขึ้นจากการ “ค้นหา” มากกว่าการจดจำชื่อจาก domain name ด้วยเหตุนี้การทำให้เว็บไซต์เข้าถึงและสืบค้นได้ง่ายควรเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาควบคู่กัน
หมั่นตรวจสอบเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
มีเว็บไซต์ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการดูแล และดูไม่น่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ใช้งานขาดความเชื่อมั่น แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักหลายแบรนด์เสียโอกาสในการนำเสนอเนื้อหา ผลิตภัณฑ์และบริการ เสียโอกาสเป็น top-of-mind ในด้านของเว็บไซต์ของลูกค้าในยามคับขัน โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้งานต้องการเข้าถึงข้อมูลโดยเร็วแต่ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลได้ในระยะเวลาอันสั้น
นอกเหนือจาก “การมีเว็บไซต์” เรายังสามารถพัฒนาเว็บไซต์ให้เข้าถึงได้ด้วยคนทุกกลุ่มด้วยการให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ในด้านการออกแบบ เช่น การคำนึงถึงค่าความเปรียบต่างของสี (colour contrast) ที่ได้มาตรฐานที่ดี เหมาะสำหรับผู้พิการทางสายตา หรือการเข้าถึงลิงค์ต่าง ๆ ด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่นการใช้คีย์บอร์ด แทนเมาส์ เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก แบรนด์สามารถนำเสนอเทคนิคพิเศษในเว็บไซต์เพื่อสร้างความน่าสนใจ เช่นการมีวีดีโอ โมเดลสามมิติ (3D) หรือจัดทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยการสร้างเพจใหม่ออกมาเป็น campaign site หรือ microsite ได้ หรือหากเน้นไปทางการนำเสนอข้อมูลก็คำนึงถึงการใช้งานที่รวดเร็ว สามารถเข้าถึงได้ในทุกอุปกรณ์
ใช้ social media ในการประชาสัมพันธ์และนำลูกค้าเข้ามาอยู่ในเว็บไซต์
มีประโยชน์มากมายที่คุณพาลูกค้าเข้ามาอยู่ในเว็บไซต์ เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างโอกาสในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อการปรับปรุงการนำเสนอข้อมูลในอนาคต ในขณะที่ช่องทาง social media มีการควบคุมรูปแบบการใช้งาน และรูปแบบการแสดงผล
หากคุณมีเว็บไซต์ที่มีลูกค้าแวะเวียนอยู่เป็นประจำ ก็เป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะเริ่มจริงจังกับการปรับปรุงเว็บไซต์ให้พร้อมกับความต้องการของลูกค้า ใช้โอกาสนี้ในการลงทุนให้ถูกวิธีก็จะยิ่งคุ้มค่า เพราะคุณกำลังสร้างโอกาสในการพัฒนาหน้าร้านของคุณเองให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
อย่าฝากชีวิตไว้ที่ social media platform
คุณอาจจะฝากชีวิตไว้ที่ social media ทั้งหมด เพราะว่าช่องทางเหล่านี้ช่วยอำนวยความสะดวกคุณได้มาก สามารถใช้งานได้ฟรี แต่เมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่า คุณจะต้องจ่ายเงินเพื่อให้เปิดการมองเห็น เมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่งช่องทางเหล่านี้จะเลือกปรับค่าบริการกับคุณสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือบางทีอาจจะมีนโยบายการขอให้คุณแบ่งเปอร์เซนต์จากการขายสินค้า หรือเรียกเก็บค่าใช้บริการแพลตฟอร์ม แลกกับฟีเจอร์ที่สะดวกสบาย เช่นการชำระเงินได้ทันที หรือมีระบบจัดการการคุยกับลูกค้า หรือการบริหารสินค้าเป็นต้น กว่าจะรู้ตัวอีกที คุณได้นำข้อมูลทั้งหมดเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้จนยากที่จะถอนตัวออกมาได้ โดยสถิติของการมองเห็นในช่องทางโซเชียลมีเดียในช่วงปี 2022-2023 นี้ลดลงมาก เมื่อโพสเนื้อหาลงในหน้าธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการโพส ลิงค์ รูปภาพ มีโอกาสน้อยมากที่จะมีผู้ใช้งานอื่นมองเห็น และแบรนด์ยังต้องหมั่นอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อทำความเข้าใจอัลกอริทึ่มของ platform นั้น ๆ เช่นการติดตามและใช้ฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อให้ผู้ใช้งานอื่นมองเห็นคุณ หรือรูปแบบการวางลิงค์ไว้ใต้โพส
ศึกษาให้ดีก่อนจะทำเริ่มเว็บไซต์
การลงทุนทำเว็บไซต์ มีหลากหลายราคา คุณควรกำหนดงบประมาณในการพัฒนา ศึกษาและพุดคุยกับเอเจนซี่นั้น ๆ ในชัดเจน ว่ามีขั้นตอนในการทำงานอย่างไร ระยะเวลาในการจัดทำ และสิ่งที่คุณจะได้รับ ในด้านขอราคาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเชี่ยวชาญ (expertise) ราคาต่อชั่วโมงการทำงาน (man hour) หากคุณตั้งงบประมาณในการจัดทำเว็บไซต์ไว้จำกัดควรจะศึกษาให้ดีก่อนเริ่มงาน ขั้นตอนด้านล่างนี้เป็นขั้นตอนในการพัฒนาเว็บไซต์ทั้งหมด อาจจะมีแตกต่างกันบ้าง ควรทำความเข้าใจถึงกระบวนการทำงานเหล่านี้
ขั้นตอนของการจัดทำเว็บไซต์แบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
- การจัดทำโครงสร้างเว็บไซต์ และโครงสร้างข้อมูล
- การออกแบบประสบการณ์การใช้งาน (User Experience)
- การออกแบบส่วนประสานกับผู้ใช้ (User Interface)
- การออกแบบและการจัดองค์ประกอบหน้า (Layout Design)
- การพัฒนาเว็บไซต์ (Website Development)
- การติดตั้งระบบจากผู้ให้บริการอื่น (Third-party Integration)
- การตรวจสอบบคุณภาพก่อนการนำส่ง (UAT / Quality Assurance)
- การจัดการด้านเซอร์เวอร์ (Infrastructure Setup)
- การจัดการชื่อโดเมน และโฮสติ้ง (Domain & Hosting)
- การนำส่งไฟล์ขึ้นสู่ server (Deployment)
- การรับประกัน (Warranty)
- การจัดทำคู่มือการใช้งาน และการอบรม (Documentation / Training Session)
ขั้นตอนที่กล่าวมานี้เป็นขั้นตอนอย่างละเอียด ในบางขั้นตอนอาจมีการใช้ซอฟท์แวร์สำเร็จรูปมาช่วยในการทุ่นเวลา ควรศึกษาให้ดีว่าแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดและมีความสำคัญอย่างไรและพิจารณาว่าขั้นตอนไหนจำเป็นจะต้องมี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของโครงการที่กำลังจัดทำด้วย
ลงทุนทำเว็บไซต์อย่างมีแผนการ
ให้วางเป้าหมายในการพัฒนาเว็บไซต์ในระยะยาว ดำเนินงานตามความจำเป็นและให้สอดคล้องกับงบประมาณ คุณสามารถมีเว็บไซต์ที่สวยงาม ควบคู่ไปกับการใช้งานที่ดีได้ มาเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับลูกค้าเข้ามาอยู่ใน ecosystem ของคุณกันเถอะ